ซูซูกิแวนแวน พาแฟนตากฝนไป สังขละบุรี
ผมเชื่อว่าหลายๆท่านคงรู้จักกับเจ้าตีนโตคันนี้กันไปบ้างแล้วไม่มากก็น้อย
แต่นาทีนี้ คนที่ซื้อมาใช้ ยังเป็นเพียงชนกลุ่มน้อยครับ อาจจะด้วยหลายเหตุปัจจัย เช่นราคาแพงไปบ้าง ศูนย์จะมีหรอ จะขายต่อได้ราคามั้ย เปลืองน้ำมันรึเปล่า มันจะวิ่งได้เร้อออ หนักยางมั้ย และอีกหลากหลายสารพันปัญหา
ในวันนี้มาพบกับบทพิสูจน์เล็กๆ ที่ทีมงานJust Ride It ของเราเตรียมไว้ต้อนรับกับน้องเล็กแต่ตีนโตคันนี้กัน
แรกพบสบตา
วันที่ 05/08/2014 ผมได้นัดแนะกับคุณระพี(คุณเก่ง) และคุณปาล์ม เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Suzuki Motor Thailand รังสิต คลองสาม เพื่อรับรถทดสอบคันนี้
(แชะหลักฐานเลขไมล์ตอนรับรถซักหน่อย)
ช่วงเวลาประมาณบ่ายโมง การจราจรบนถนน วิภาวดี รังสิต ต้องเรียกว่า ไม่ธรรมดาครับ รถเล็ก รถใหญ่ ว่ากันให้วุ่นเลยทีเดียว
แต่ยังคงไม่เป็นปัญหากับเจ้าแดงน้อยครับ ผมค่อยๆ ทำความรู้จัก สนิทสนม หยิกๆ หยอกๆ ไปเรื่อยๆ ถนนหลายช่วงมีทั้งหลุมมีทั้งบ่อ ฝาท่อ รถออกจากซอย รถจอดข้างทางซื้อส้มตำ รถแท็กซี่โฉบรับผู้โดยสาร รถเมล์วิ่งขวา มากมายครับ
เชื่อว่าท่านที่ใช้รถใช้ถนนในกรุงเทพคงเข้าใจและยอมรับสภาพต่อสิ่งเหล่านี้ได้แล้ว
สัมผัสแรกๆที่รับรู้ได้นะครับ คิดในใจว่า “เห้ยย มันนิ่มว่ะ มันเบาดีนะ เข้าเกียร์ บิดคันเร่ง เบาะ ช่วงล่าง ส่วนอัตราเร่งก็พอไหว ใช้ได้ๆ พรุ่งนี้สนุกแน่”
จนกลับมาถึงที่พักแถวบางโพ (สาวบางโพ โก้จริงๆ ครับ ใส่ชุดม.ปลายแต่ขับ บีเอ็มซีรี่ส์ห้า ไม่โก้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว)
เวลาประมาณ 04.30น.
แหกขี้ตาตื่นมาแล้วครับ ไม่พูดพล่ามทำเพลง อาบน้ำแปรงฟัน เตรียมตัวออกเดินทางทันที โดยทริปนี้ผมใช้เวลา 2วันครับ คือวันที่ 06/08/2014 กลับวันที่07/08/2014 ครับ จุดหมายปลายทางของทริปในครั้งนึ้คือ อำเภอ สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีครับ
ช่ายแล้ว ผมจะเอาเจ้าแวนแวนน้อยคันนี้ไปปู้ยี้ปู้ยำให้หนำใจ ด้วยระยะทางไปกลับ ประมาณ 800 กิโลเมตร เส้นทางมีทั้งทางราบๆ ธรรมด๊า ธรรมดา และทางขึ้นเขาสูงชัน ลงเขา คดเคี้ยวพอประมาณ และผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับแจ้งว่า
“ปลายทางตั้งแต่อำเภอทองผาภูมิ ยันสังขละฯ ปริมาณฝนหนาแน่นสุดๆ” เอ็งโดนแน่ๆ เจ้าตัวเล็ก
(แชะซะหน่อย ออกจากที่พักแล้วน๊า)
ขี่รถคันเดียว กลัวจะเปลี่ยวหัวใจ ทริปนี้ผมมีเพื่อนร่วมทางสองคันครับ
คันแรก
เป็นไอด้อลลลล สุดหล่อแห่งรัชดา มอเตอร์ไซค์เรานี่แหละครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน น้าแต๊ก เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ นั่นเองนะครับ
(หิ้วกล่องตัดรอบติดหลังมาด้วย)
เสียดายที่น้าแต๊กติดภารกิจ ต้องรีบกลับไปทำงาน ก็เลยไปส่งผมแถวๆบ้านโป่งครับ โดยได้ถือโอกาสลองขับแวนแวนน้อย
เป็นช่วงระยะไม่ไกลมาก จากนครชัยศรี ถึง บ้านโป่ง ราชบุรี ชาวเราไม่เรียกว่าไกลหรอก ใช่มั้ย
คันสอง คนนี้เป็นทั้งพี่ชาย เพื่อนสาว พี่เลี้ยง ตากล้อง ที่ปรึกษา เป็นหลายอย่างในร่างเดียว หลายๆท่านอาจจะยังไม่รู้จัก หลายท่านอาจจะรู้จักแล้ว ท่านนี้คือ Lotteidol หรือสุนทรเต้ นั่นเองครับ
แวะทานมื้อเช้าก่อนส่งน้าแต๊กกลับกรุงเทพกันหน่อย
จากนั้นก็ดึงดาว เอ้ยย ยิงยาวเข้ากาญจนบุรีเลยครับ ไปถ่ายรูปกันที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว
อันเป็นแลนด์มาร์กของจังหวัดนี้กันซะหน่อย (เสียงในเกมส์ลอยมาเข้าหูแว่วๆ “สร้างแลนม๊ากกก” )
เข้าปั๊มเติมน้ำมันครั้งแรกกันก่อนออกจากตัวเมืองกาญจนบุรีนี่แหละ (ปั๊มปตท.หน้าสนามกีฬาจังหวัด)
ออกจากปั๊มก็ตรงไปแยกแก่งเสี้ยน เลี้ยวซ้าย ตามป้ายอำเภอ ไทรโยค ทองผาภูมิ สังขละบุรี ไปเลยครับ
ช่วงนี้เหลือแค่ผมกับน้าเต้สองคัน สี่คน ความตื่นเต้นเริ่มปรากฏ ทางโล่งๆ รถไม่เยอะ แดดไม่มาก
ได้โอกาสละครับ เริ่มรีดรอบ ไล่เกียร์ เหนี่ยวคันเร่งสุดแรง อัดทุกเกียร์ เรียกได้ว่ารอบเกือบตัดโน่นแหละครับ ถึงจะยอมบีบคลัชท์เปลี่ยนเกียร์ ความสนุกและความสยิวที่สัมผัสของความเร็ว แรง บอกสั้นๆได้เลยคำเดียวว่า “อืด” ครับ 5555+
เดินทางเรื่อยเปื่อยครับ ขึ้นเนินเบาๆ ลดเกียร์ช่วยบ้าง ไหลส่งลงเนินบ้าง ความเร็วสูงสุด 105km/h. ตามไมล์แข็งๆ
(คลิกน้าเต้ ไมล์ฟ้องว่าขึ้นไป 120 แล้วจ้า)
ถึงอำเภอไทรโยคน้าเต้ชักคันมือ ขอลองแวนแวนน้อยกันบ้าง อ่ะจัดไป ค่อยแลกกลับกันแถวทองผาภูมิละกัน
เค้าโป้งแล้วนะ ให้ขับน้อยไปหน่อย
เติมน้ำมันกันอีกครั้งครับ ปั๊มปตท. สุดท้ายของอำเภอทองผาภูมิ จากนี้ไปอีก 77 km. ไม่มีปั๊มแล้วนะจ๊ะ ภูเขาล้วนๆ
เลี้ยวขวาตามป้าย สังขละบุรีมาเลย ขับมาได้แป๊บนึงเจอที่พึ่งทางใจครับ
ขอแชะภาพและกราบไหว้ขอพรพระคุ้มครองกันหน่อยครับ เขาสังขละ ไม่ไกล แต่โหดใช้ได้
ความมันส์ของจริงบังเกิดครับ ฝนตกมาตั้งแต่ทองผาภูมิ มีซาเล็กน้อยเป็นบางช่วง แต่ก็ไม่หยุดสนิท ไม่เทหนักมาก
เราเดินหน้ากันต่อไปเรื่อยๆครับ ส่วนคันเร่ง หวดกันเต็มเหนี่ยว ก็มันเนินทั้งนั้นหน่ะท่านผู้ชมมม ลดเกียร์ เลียคลัช เบิ้ลคันเร่ง สายคันเร่งแทบขาด โค้งก็มี เนินก็มาก ทางลงก็เยอะ วุ้ยๆๆ มันส์จริงเฟ้ยยยย
ปุเลงๆ โดนเค้าแซงบ้าง แซงเค้าบ้าง แวะถ่ายรูปโอ้เอ้บ้าง แวะฉี่ แวะกินน้ำ นู่นนี่นั่นไปเรื่อยๆครับ เดี๋ยวมันก็ถึงเองแหละ
ในที่สุดดดดด ถึงแล้วจ้า ถึงมาพร้อมกันฝน และความสดชื่นของกลิ่นอายบรรยากาศ
ไปถึงตอนโรงเรียนประถม เขาเลิกพอดี วันนั้นเป็นวันอาเซียนที่เขาแต่งกายด้วยชุดประจำถิ่นด้วยล่ะ
เข้าที่พักกันก่อนครับ เรานอนค้างอ้างแรมกันที่นี่ครับ ต้องตะวัน รีสอร์ท
วิวจากระเบียงห้องพักจ้า สัมผัสกลิ่นอายธรรมชาติเต็มๆ การเดินทางวันแรก ถึงเหนื่อย แต่ก็ยังสนุกสนานกันดีทั้งสี่คนครับ ด้วยความสวยงามของเส้นทาง และอากาศที่ไม่ร้อนเลย หาของกินคุยเล่นๆขำๆ ก่อนแยกย้ายเข้านอนครับ พรุ่งนี้ต้องแหกขี้ตาตื่นไปดมหมอกบนเขากัน
ท่านผู้ชมคงพอเดาได้นะครับ น้ำหนักรวม 128kg. ยางหน้า 130 ยางหลัง 180 ที่หลายๆคนเห็นเข้าถึงกับอุทาน โอ้ววว
ความจุกระบอกสูบ 125cc. แน่นอนครับ ถ้ามันวิ่งได้เหมือนรถ 1000cc. รับรองได้ว่า เรือธงเหล่านั้น ได้โดน ตอปิโดน้อยลูกนี้ สอยจมทะเลแน่
เช้าวันที่ 07/08/2014 ช่วงเช้าๆ เรามาเก็บบรรยากาศแห่งอำเภอสังขละบุรีกันครับ ดมหมอกๆ ถ่ายภาพ ขึ้นเขา อา….. สดชื่นครับ
เอาละครับท่านผู้ชม ที่กล่าวไปแล้วนั่นคือภาพและบรรยากาศเบาๆ แห่งการเดินทางสวยๆงามๆ ทีนี้มาถึงรายละเอียดปลีกย่อยหลายๆอย่างของ Vanvan 125 คันนี้กันบ้างครับ ตามนายแบบหัวฟูของเราไปทำความรู้จักเจ้าคันนี้กันเลยครับ
ตำแหน่งท่านั่ง
นายแบบหัวฟู สัดส่วน 173 cm. ตามมาตรฐานชายไทยครับ
สามารถยืนเต็มเท้าแบบเต็มตรีนได้ทั้งสองเท้านะครับ จะเดินหน้าถอยหลัง สะดวกโยธินแน่นอน
ถ้าหากเป็นสาวๆหรือหนุ่มๆไซส์กะทัดรัดจะไหวมั้ย เชิญชมภาพครับ (นายแบบสูง 158 cm.ครับ)
บัลเล่ย์นิดๆครับ แต่เรื่องความสูงของเบาะรถนี่อาจารย์น้าหยอยเคยกล่าวไว้ว่า หากท่านเหยียบไม่เต็มสองเท้า ให้ใช้น้ำหนักตัว คูณสาม เอานะครับ เช่น น้ำหนักตัว 50 kg. ท่านสามารถขับขี่รถที่น้ำหนักไม่เกิน 150 kg. ได้ (ถ้าน้ำหนักท่านเกินไม่เป็นไร) ส่วนถ้าท่านมีชั่วโมงบินยาวนานนนนนนนน จะสูงขนาดไหนก็ขี่ได้ครับ อย่าล้มก็แล้วกัน ^^
มันขี่ดีมั้ย (ผมเจอคำถามนี้บ่อยๆนะ ตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตกับรถคันนี้)
มันคือ Retro Street ครับ นี่คือคำจำกัดความที่ทางซูซูกิ เลือกใช้ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆครับ มันคือลูกผสมของความย้อนยุค และความทันสมัย เข้าไว้ด้วยกัน มันลุยได้ มันไต่ได้ มันสนุก และมันดึงดูดสายตา กับคำถามเพื่อนร่วมทางได้เป็นอย่างดีครับ
ไหวนะเฟ้ยยย โด่วววว


ส่วนของการ์ดป้องกัน มันทำหน้าที่ของมันได้ดีเยี่ยมครับ คนซ้อนไม่บ่นร้อนเลย






สเตอร์หลัง 49 ควงคู่มากับโซ่ 428 ครับ
ผ่านมาตรฐานมลพิษมาแล้วจ้ะ (บ้านเรามาตรฐานสู๊งงงสูงงง ทำรถดีแทบตาย ขายไม่ได้เพราะไอ้เนี่ยแหละ)
กลัวจะไม่เชื่อ หนูลงเรือมาจากญี่ปุ่นจริงๆนะ
บังโคลนท้ายอันใหญ่โต แต่ถ้าขี่ฝ่าฝนมาไกลๆ มันจะกลายสภาพเป็นแบบนี้ครับ
ยืนยันอีกดอกกก
เสื้อตรู แฟนใส่ แต่ตรูซักกกกก อร๊ากกกกก
เละเทะ
นี่คืออีกหนึ่งคุณงามความดีของรถคันนี้ครับ วิ่งไกลๆ นานๆ ก็ยังไม่ปวดดากมากมายนักทั้งคนขี่ และคนซ้อน
อัตราการใช้เชื้อเพลิง
วิ่งไป 171km. เติมน้ำมันถังแรก
ถังแรกนี้เป็นการวิ่งจาก รังสิตคลองสาม บางโพ นครอินทร์ บรมราชชนนี นครชัยศรี นครปฐม บ้านโป่ง กาญจนบุรี ทางราบๆ ความเร็วช่วงแรกๆ 70 – 80 km./h อยู่ที่ประมาณ 35.6 km/L
ตามนี้ครับ กับถังที่สอง เป็นการขี่แบบหมดคันเร่งเลยครับ และมีการเปลี่ยนเกียร์บ่อย (ขึ้นเนิน) เส้นทาง กาญจนบุรี ทองผาภูมิ ครับ
ความเร็วที่ใช้ 60 – 110 km/h
อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 27.64 km/L
ถังที่สามครับ ทองผาภูมิ สังขละ – สังขละ ทองผาภูมิ เติมปั๊มเดิม หัวจ่ายเดิมครับ อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 32.46 km/L
ถังที่4 ถังสุดท้ายของทริปนี้ครับ ทองผาภูมิ – กาญจนบุรี อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 30.31 km/L
การลุยทางเถื่อน ผมมองว่านี่คือจุดเด่นอีกข้อนึงของรถรุ่นนี้ครับ ถึงจะไปเร็วไม่ได้มากนักบนทางดำ แต่ถ้าเจอทางเถื่อนๆหน่อย ขึ้น หรือ ลง ทางชัน เจ้านี่ บ่ยั่นครับ ลุยโลดดด
สรุป ต้องมองในมุมที่ช้าลงบ้าง จุดหมายของการเดินทางสำคัญ และระหว่างทางที่ผ่านไปก็สำคัญเช่นกัน
คุณงามความดี
1.ตำแหน่งท่าทางในการคอนโทรลรถ แฮนด์บาร์สูงกว้าง ไม่เมื่อยแผ่นหลังแน่นอน มุมมองจากคนนั่งขับ จะสูงกว่ารถจ่ายตลาดทั่วไป ทัศนวิสัยไกลกว่า
2.ความสูงของเบาะ ไม่มากจนเกินไป 770 mm.เท่านั้น ความสูง 160-165 ก็ยังขี่ได้แบบสบายๆ
3. ความนุ่มนวลชวนฝันของช่วงล่างและเบาะนั่ง คนซ้อนท้ายยืนยันมาแล้วครับว่า มันนิ่มดี นั่งสบาย หลับเอาหมวกกันน๊อคมาโขกกันหลายรอบมาก ต้องยกความดีนึ้ให้กับ ล้อหน้าขนาด 18 นิ้ว กับล้อหลังอันใหญ่โต ทำงานร่วมกับช๊อคอัพหน้าเทเลสโคปิคขนาด 33mm. มันรูดผ่านหลุมได้แบบนิ่มๆเลย
4. เบรคหน้าหนึบๆ เบรคหลังใช้ได้ มีม้าเยอะกว่านี้ก็ยังเอาอยู่
เอาล่ะมาฟังข้อเสียของมันกันมั่งนะจ๊ะ
1. ช๊อคอัพหลังไม่สามารถปรับตั้งได้ มันโอเคมากครับ ถ้าขี่คนเดียว สามารถใส่โค้ง รูดหลุมได้ แต่เชื่อเถอะ ถ้าช๊อคอัพหลังปรับได้มันจะสนุกกว่านี้ได้อีกครับ
2. บังโคลนหลังอันใหญ่โต แต่บั้งยางมันใหญ่กว่าครับ น้ำกระเด็นกันแบบว่า เละเทะเลย อันนี้สำหรับสายลุยคงรู้สึกเฉยๆแหละ แต่ถ้าท่านต้องขี่เจ้านี่ไปทำงานในวันฝนตกละก็ หากล่องท้ายซักใบมาติดเพิ่มบนแรคหลังเถอะครับ
3. ข้อนี้ผมมองว่าเป็นกิเลสส่วนตัวนะครับ ยังไม่ถึงกับเป็นข้อเสียหรอก ไฟบอกเกียร์ กับตัวชี้วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง นั่นเอง (เข้าใจว่าถ้ายัดเข้ามา กลัวกระปุกไมล์จะไม่คลาสสิคนั่นเอง)
4. “ถ้ามีเจนเนอเรชั่นต่อไป ขอเครื่องใหญ่กว่านี้ได้มั้ยจ๊ะ” เชื่อว่าคำถามนี้คงผุดขึ้นมาในหัวใครหลายๆท่านแน่นอนครับ
รถคันนี้เหมาะกับใครบ้าง
ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆเลยนะครับ คนที่จะซื้อเจ้านี่ไปใช้และตั้งใจซื้อไปใช้ ต้องเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงคนนึงเลยละ
ไม่ชอบซ้ำแบบใคร ไม่รีบร้อนมากนัก และมองเจ้ารถคันนี้เป็น Fun Bike อย่างแท้จริง คงต้องเป็นคันที่ 2-3 ในบ้านนะครับ
และมันคงไม่เหมาะกับท่านที่ต้องการมีรถใช้คันแรก คันเดียว แน่นอนในข้อจำกัดหลายๆด้านนะครับ มันขนของไม่ได้ มันทำเวลามากไม่ได้
แต่ถ้าท่านคิดว่า “คันนี้แหละ มันใช่ ยังไงสำหรับตูข้าแล้วก็ต้องคันนี้ เท่านั้น”
ถ้าคิดดังนี้แล้ว ขอต้อนรับเข้าสู่ค่ายคนบ้าเลยครับ มาตามคอนเซปค่ายเลย “Way of Life!”
ยังๆ ยังไม่จบ เก็บตก กันหน่อย
ไหน ใครบอกเลี้ยวแล้วจะลื่นฟระ ลีนวิทโชว์ซะเลย (หากพื้นแห้งพอ มันทำได้ แต่อย่าทำบนพื้นที่เปียกนะจ๊ะ แถแท่ดๆแน่นอน)
มองมุมนี้บ้าง ผมไม่เล็กนะครับ
โอ้ววว ลื่นเฟร้ยยยยยย
โคลนหน่ะหรอ จิ๊บๆน่า ลุยโลดดด
อา….ส์ หมอกๆๆๆๆๆ สดชื่นนนน
ส่องอารายกานนน
รุมกันส่อง
พังมาปีกว่าแล้วนะค้าบ เจ้านายยยยย
เบิร์นโคลนๆ ใครอย่าทะลึ่งมาอยู่ข้างหลังนะ เละแน่
สะพานนี่กับอิตาหัวฟูเกิดปีเดียวกันเลย
มาถึงสังขละบุรี ต้องลองชิมของดีฝั่งมอญ ขนมจีนหยวกกล้วย ป้าหยิน
ป้าหยินเจ้าของร้านใจดี
เมนูนี้ต้องลองเองนะจ๊ะ
อาหารเช้าขึ้นชื่ออีกอย่างของที่นี่
ผมเชื่อว่าหลายๆท่านรู้จักผู้ชายคนนี้ ท่านนี้คืออีกคนที่เป็นไอด้อลของคนเดินทางท่องเที่ยวครับพี่โส โสภณ ฉิมจินดา นั่นเอง ผมได้รู้จักพี่เค้าผ่านตัวหนังสือแห่งการเดินทางชื่อ “เดินด้วยใจไปกับ มนุษย์ล้อมหัศจรรย์”
พี่โผมๆ
เมื่อพ่อค้าขายมือถือ มาเจอไอแพดรุ่นใหม่ล่าสุด
กลับถึงกรุงเทพฯมาด้วยสภาพนี้ มอมเชียว
ง่ายๆสั้นๆ “เละ”
อาบน้ำเหอะ ไม่ไหวแล้วววววว
ทั้งหมดของทริปนี้ครับ




Thai Suzuki motor Co.,LTD เอื้อเฟื้อรถทดสอบ และอำนวยความสะดวกต่างๆ
เวปบอร์ดพันทิปรัชดา มอเตอร์ไซค์ และ เพจมอเตอร์ไซค์พันทิป ที่ทำให้ผมได้มีอกาสทดสอบรถคันนี้
น้าหมีตัวใหญ่ใจดี น้าโอม สมัญตา ชีวบุตร omega 13 นั่นเอง ที่ช่วยติดต่อประสานงานทดสอบรถในครั้งนี้
น้าเต้ Lotteidol กับ โอเล่ กล่องตัดรอบ ที่คอยช่วยให้คำแนะนำดีดี และถ่ายรูปสวยๆให้ตลอดทริป
เจ๊อิ๊บ อิ๊บบวก พี่สาวใจดี ที่ให้ยืมชุดกันฝน บอกเลยถ้าทริปนี้ไม่ได้ชุดกันฝนเจ๊มา จะเละหนักยิ่งกว่านี้อีกครับ
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ
TopsaVage
ขอสงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน หากต้องการเผยแพร่ ยินดีเลยครับ เต็มที่ไปโลด ถ้าจะเอาไปขาย แบ่งตังกินหนมให้ผมด้วย
สองคนรวมกระเป๋า ไม่ต่ำกว่า 150 kg. แน่ๆครับ
ผมละชอบเจ้าแรคท้ายติดรถอันนี้จริงๆครับ จะสังเกตุว่าสามารถหย่อนสายสะพายของเป้ให้หย่อนไว้หน่อย แล้ววางกระเป๋าลงไปที่แรคท้ายได้เลยครับ หรือหากท่านมีถาดรองกับกล่องท้ายแล้ว ก็ติดตั้งลงไปได้เลยครับ
เริ่มจากตรงกลางกันก่อนเลยครับ มีไฟเตือนน้ำมันจะหมด (ไฟเตือนขึ้นก็มองหาปั๊มเหอะ เหลืออีกไม่ถึงสองลิตรแย้ววว)
ไฟเตือนเกียร์ว่าง ผมอยากได้เตือนเกียร์สูงสุดอีกหลอดได้มั้ยอ่า งัดเกียร์เจ็ดตลอดเลยนะ
ไฟเตือนไฟเลี้ยวครับ สีเขียวๆ แยงตาดีครับ เหมาะมากสำหรับคนขี้ลืมปิดไฟเลี้ยว
ภายในกรอบมาตรวัดความเร็วกันบ้างนะครับ
มีไฟเตือนไฟสูง สีฟ้าไว้แยงตาพวกขี้ลืมนั่นแหละ ข้างๆกันเป็นไฟ FI ครับหากมีปัญหาที่ระบบหัวฉีด หรือเครื่องยนต์จะติดเป็นไฟสีแดงขึ้นมา
ตัวเลขด้านบนเป็นไมล์รวมครับ ด้านล่างเป็นทริป A สามารถรีเซ้ทได้โดยการหมุนปุ่มดำๆ ทางซ้ายมือนั่นนะครับ (หมุนขึ้นไปทางหน้ารถนะจ๊ะ)
เข็มวัดความเร็ว เห็นชัดดีครับ และขอบอกว่ามันค่อนข้างจะเที่ยงตรงดีครับ ไม่หลอกให้เราดีใจเล่น ^^