[RIDE NOW] Volunteer Rider : Hiking with Heart #10 @KhaoYai >>> with Ducati Diavel

[RIDE NOW] Volunteer Rider : Hiking with Heart #10 @KhaoYai >>> with Ducati Diavel

สวัสดีครับ กลับมาเล่าสู่กันอีกครั้งกับ Volunteer Rider ที่ผมจะมาแนะนำกิจกรรมอาสาสมัคร ของเครือข่ายจิตอาสา ซึ่งเป็นกิจกรรมในวันหยุดมาประมาณแปดปี รอบนี้เป็นกิจกรรม เดินป่าด้วยหัวใจ ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10 ของกลุ่ม Nature Camp https://www.facebook.com/groups/naturecamp

ชีวิตในวันหยุดผมมีอยู่สองอย่าง  ส่วนมากก็จะอยู่ในป่าหรือไม่ก็ทะเล กับหน้าที่ผู้ประสานงานกิจกรรมอาสาสมัคร (เรียกซะหรู เรียกสตาฟดีกว่า) งานหลักก็มีการทำบ้านดินให้คนไร้บ้าน กุฏิดิน ห้องสมุดดิน โบสถ์ดิน สร้างฝายชลอน้ำ ปลูกป่า ปลูกป่าชายเลน ซ่อมโป่ง สร้างโป่งเทียม พาเด็กๆเดินป่าเพื่อศึกษาธรรมชาติ ฯลฯ ส่วนอีกอย่างที่มาเริ่มเอาได้ไม่กี่ปีก็คือขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวมาเที่ยวไปอย่างที่เห็นๆกันนั่นแหละ

อย่างที่ทราบ ด้วยสันดานบ้าพลังของผม เพจนี้ก็เลยกิจกรรมเยอะตามย ๕๕๕ ทั้งอบรมขับขี่ปลอดภัย มีทริปเพจอีก แถมยังใจกล้าหน้าด้านไปยืมรถจากผู้ประกอบการมาลองขี่ในโจทย์แบบชาว #มอเตอร์ไซค์ #รัชดา นั่นก็คือการเดินทางท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์ ขี่แล้วรู้สึกยังไงก็มาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟัง ซึ่งในทีมเราก็จะมีหลายLoginมาช่วยกันขี่ช่วยกันเล่า ไม่ว่าจะเป็น @cbrzoom @พรสิบประการ @เตี้ย_ล่ำ_ดำ_แก่  @ตบจูบ_ตบจูบ @lotteidol @topsavage

ผมก็เลยรวบกิจกรรมที่ทำในวันหยุดทั้งสองอย่างมาทำด้วยกันซะเลย!! ก็เลยกลายเป็นโปรเจค Volunteer Rider แบบที่เห็น…

หาข้ออ้างยืมรถมาเที่ยวหรือเปล่า …ก่อนหน้านี้ ผมก็เดินทางไปทำงานอาสมัครด้วยรถตัวเองบ้างอยู่แล้ว คือ….ไม่มีใครให้ยืม ตูก็ไปเหมือนกัน ไหนๆก็ไหนๆก็จับมาชนกันซะเลยจะได้ Win-Win ลงเอยอย่างที่เห็น กิจกรรมนี้ผมก็เริ่มไปแล้วหลายครั้ง ใครที่ยังไม่ได้ผ่านตาก็ลองตามดูในกระทู้เก่าที่เคยตั้งไว้ได้จ้า

ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนให้ยืม  Ducati Daivel Carbon White จาก Ducati Thailand https://www.facebook.com/DucatiThailand http://www.ducatithailand.com/   ไปขี่พร้อมน้ำมันหนึ่งถัง…หลังจากนั้นเติมเอง ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดจ้า ไปด้วยใจ ไปด้วยความบ้าขี่รถ ไม่รับอามิสสินจ้างใดๆเช่นเคย (แต่ถ้าจะช่วยค่าน้ำมัน ค่าที่พัก ค่าอาหารนี่เอาหมดนะ๕๕๕)

ตามสไตล์เดิม คือเริ่มด้วยการเดินทาง ตามด้วยกิจกรรม ส่วนเรื่องรถที่ยืมมาลองขี่น่ะ ไว้ท้ายๆเลยจ้า  หัวเราะ

เริ่มต้นการเดินทาง แน่นอน ก็ต้องไปรับรถจากดูคาติไทยแลนด์มาค้างที่บ้านสักคืนก่อน….เสียวอิ๊บอ๋าย คืนไหนมีรถยืมมาจอดนี่นอนเฝ้าข้างล่างกันเลยทีเดียว หายไปนี่ใช้หนี้กันหัวโต!!

ออกเดินทางช่วงเช้า…อาสาสมัครส่วนใหญ่จะเดินทางด้วยรถตู้ที่จุดนัดพบ…(ที่เห็นหน้าคือสาวโสดนามว่า “นก คนงาม” ใครสนใจก็จั่วเลย เจ้นี่ก็มนุษย์บ้าพลังกิจกรรมเยอะมาก๕๕๕)

ส่วนผม…แน่นอน ก็ต้องซิ่งไป แต่…ฟ้าฝนไม่เป็นใจ…เอ๊ะ หรืออยากให้ลองวิ่งฝ่าฝน แต่ก่อนหน้านั้นก็ไปติดแหง่กอยู่ที่รังสิตก่อน…

พี่ชายยยยยย นู๋หนาวววว

หลังหลบอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง..ไม่ได้การ เพราะรถตู้เขาไปถึงไหนๆแล้ว เสียงานเสียการหมดสิ ตัดสินใจควักเสื้อฝนบางๆมาสวมใส่แล้วก็วิ่งฝ่าสายฝน ยาวไปๆๆจนถึงแถวปากช่องนู่นแหละถึงจะหยุด ฮ่วย!!! แต่ก็ดี ได้ลองวิ่งกลางฝนหนักๆถนนลื่นๆก็ได้รู้จักไอ่อ่วนซ่าบ้าพลังคันนี้ดีขึ้น

พอพ้นฝนก็วาร์ปมาด่านทางขึ้นเขาใหญ่ฝั่งปากช่อง…ไม่ทัน ทั้งอาสาและน้องที่มาร่วมกิจกรรมได้ขึ้นไปกันก่อนแล้ว แต่แอบแฮ๊บภาพช่วงนั้นมาให้ดูกัน


เกาะกันไป




แวะไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่กันก่อน พี่ชายสุดหล่อตรงกลางภาพคือพี่ต้น พี่ชายใจดีผู้จัดกิจกรรมครั้งนี้นั่นเอง (ใครเคยอ่านกระทู้เกี่ยวกับเขาใหญ่ของผมน่าจะคุ้นหน้าดี)

ได้ความว่าขึ้นไปกันก่อนแล้ว ผมก็ขี่ตามขึ้นไป ก็ไปเจอะรถสองแถวน้องๆกระดึ้บๆขึ้นเนินแถวๆหน่วยป้องกันไฟป่า สรุปว่ารถสองแถวไม่ไหวจ้า พี่ๆต้องพาน้องๆลงเดินและถ่ายขึ้นรถคันอื่น ส่วนมากก็เป็นรถของอาสาสมัครที่ขับมากิจกรรมนี้กันเอง ก็ช่วยกันพาน้องๆไปให้พ้นจากตรงที่ชันๆก่อน ตรงนี้คือวุ่นวายขายปลาช่อนมากมาย

ภาพนี้คือมาจอดคอยปลายเนินละ

จากนั้นทางชันมากก็ไม่มี น้องก็กลับมาขึ้นสองแถวตามเดิน ผมก็ขี่ตามไปด้วยแวะถ่ายรูปไปด้วย (แอบอู้นะเราอะ๕๕)

ไปคนเดียวใครจะช่วยถ่ายล่ะพี่..ก็ลูกไม้เดิม วางมือถือกับพื้น > เล็ง > ตั้งเวลา > วิ่งตาเหลือก (จะเห็นได้ว่ามืออีกข้างไม่ได้ใส่ถุงมือ …แหม่จะเอาที่ไหนมาใส่ทันล่ะพี่ ถุงมือข้อยาวนี่สุดยอดละ…สุดยอดของการใส่ยากถอดยาก๕๕)

มาดูอุณหภูมิของวันนั้นกันหน่อย เย็นสบายเลยล่ะ

เลยมาอีกนิด โค้งไหนเอ่ยยยย

อะ เอ้อระเหยพอละ ไปทำงานต่อดีกว่า มาถึงก็พาน้องๆเข้าโรงอาหารเพื่อจั่วมื้อเที่ยงกัน อาหารจัดใส่ถาดหลุม น่ารักมาก

พอน้องจั่วแล้ว พี่ก็เริ่มไปจั่วของตัวเองบ้าง

ตักแล้วก็ไปนั่งปะปนกับน้อง

พอทานเสร็จ อันนี้ล่ะมึนตึ้บ อีพี่ก็ไม่ทันคิด…น้องก็หารองเท้าตัวเองกันไปสิ…ไอ่พี่จะถามว่ารองเท้าสีอะไรคะ…ก็นะ

ใช่แล้วครับ น้องๆเหล่านี้เป็นผู้บกพร่องทางการมองเห็นนั่นเอง

หากันสนุกเลยล่ะครับ กว่าจะได้รองเท้าน้องนี่พี่ๆแทบร้องไห้

น้องๆที่ร่วมกิจกรรมเดินป่าด้วยหัวใจครั้งที่ 10 นี้ เป็นเยาวชน จากโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดฯ จ.นครราชสีมา

นี่คือแนวคิดในการจัดกิจกรรม…

ฝากสิ่งที่ควรรู้ไว้เล็กน้อย
วิธีช่วยเหลือผู้พิการทางสายตาอย่างไรดี (โดย ศิริณี อักษรมี)

การใช้ชีวิตร่วมกับผู้พิการทางสายตา
1. กรุณาปฏิบัติต่อผู้พิการทางสายตาให้เหมือนกับบุคคลทั่วไป ถึงแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็น ซึ่งเป็นแต่แค่เพียงความพิการทางรางกายเท่านั้น แต่ส่วนลึกแล้วผู้พิการทางสายตาเองก็มีความรู้สึกนึกคิด ยังมีความสนใจอยากรู้ อยากเห็นและอยากแสดงความคิดเห็นเหมือนกับบุคคลอื่น ๆ
2. กรุณาอย่าสงสารหรือแสดงความเห็นอกเห็นใจ ในความพิการทางสายตาจนเกินกว่าเหตุ
3. การเป็นแขกรับเชิญของผู้พิการทางสายตา ไม่เป็นการผิดประการใด เพราะผู้พิการทางสายตาจำนวนมากก็ยังมีโอกาสได้ดูแลและบริการท่าน เช่นเดียวกับที่ท่านมีน้ำใจต่อเขา เพื่อแสดงถึงการขอบคุณ ดังนั้นถ้าไม่มีเหตุขัดข้องจนสุดวิสัยโปรดอย่าเกรงใจ ให้โอกาสแก่เขาบ้าง
4. กรุณาอย่าแปลกใจถ้าผู้พิการทางสายตาจะถามหาสวิทซ์ไฟฟ้าในบ้านเรือนหรือที่ทำงาน เพราะหากผู้พิการทางสายตาจะช่วยเปิดปิดไฟฟ้าเพื่อให้แสงสว่างแก่ผู้อื่นแล้วยังมีผู้พิการทางสายตาจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบอยู่ในห้องซึ่งปราศจากแสง
5. บานประตูในบ้านหรือที่ทำงานที่มีผู้พิการทางสายตายู่ กรุณาอย่าเปิดค้างไว้ ขอให้ปิด หรือเปิดกว้างจนบานประตูแนบชิดฝาผนัง เพื่อผู้พิการทางสายตาจะได้ไม่ต้องเดินชน
6. เมื่อท่านพบผู้พิการทางสายตากำลังจะข้ามถนน หรือรอรถประจำทาง ขอความกรุณาท่านเสนอให้ความช่วยเหลือด้วย จักเป็นพระคุณยิ่ง แม้ว่าในบางครั้งท่านจะพบผู้พิการทางสายตาที่ปฎิเสธไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากท่านก็ตาม

การสนทนากับผู้พิการทางสายตา
1. กรุณาพูดกับผู้พิการทางสายตาโดยตรง ไม่จำเป็นต้องพูดเสียงดังเกินกว่าปกติ หรือพูดผ่านล่าม ซึ่งเป็นเพื่อนหรือผู้นำทางของผู้พิการทางสายตา
2. ระหว่างสนทนา หากจำเป็นที่จะต้องพูดคำที่เกี่ยวกับ “ ตาบอด ” หรือ “ มองเห็น ” โปรดพูดโดยไม่ต้องเกรงใจ หรือพยายามหลีกเลี่ยงไปใช้คำอื่นแทน
3. เมื่อท่านเข้าไปในห้องที่มีผู้พิการทางสายตาอยู่ด้วย กรุณาพูดทักทาย หรือใช้เสียงเพื่อจะได้ทราบว่ามีคนเข้ามา ไม่ควรจะเสียเวลากับคำถามที่ส่า “ ทายซิว่าใคร ” ควรบอกชื่อของท่านไปเลย กรณีมีบุคคลเพิ่มขึ้น หรือบุคคลที่สาม ควรบอกให้คนตาบอดทราบด้วย
4. ในการทักทายเพื่อนผู้พิการทางสายตา กรุณาสัมผัสมือ ไม่ว่าจะเป็นการพบกันหรือการอำลากัน สำหรับผู้พิการทางสายตาการจับมือแสดงถึงความยิ้มแย้มแจ่มใสและความเป็นมิตร
5. ในที่ประชุมที่ใช้เครื่องขยายเสียง กรุณาบอกให้ผู้พิการทางสายตาทราบว่าผู้พูดอยู่ตรงไหน เพื่อเขาจะได้หันหน้าไปทางผู้พูดได้ถูกต้อง แทนที่จะหันไปตามเสียงที่มาจากลำโพง ซึ่งอาจจะทำให้ผู้พิการทางสายตาพูดกับลำโพงได้
6. หลังจากการสนทนา เมื่อท่านจะไปจากที่นั่นควรบอกให้ผู้พิการทางสายตาทราบด้วย มิฉะนั้นคนตาบอดจะรู้สึกเก้อเขินที่ต้องพูดอยู่คนเดียว

หลังจากอิ่มแล้ว พี่ๆก็พาน้องเอาของไปเก็บที่เรือนนอน เราตามไปดูที่พักของน้องกันครับ








พาน้องเอาของไปเก็บแล้ว ก็พาน้องมาแบ่งกลุ่มจ้า


มีสันทนาการกันเล็กน้อย

เมื่อแบ่งกลุ่มแล้ว ก็แจกถุงกันทากให้สวมใส่กันทั้งน้องทั้งพี่…เดี๋ยวเราจะพาน้องไปเดินป่าศึกษาธรรมชาติกันจ้า

ที่ไปเดินกันก็ไม่ใช่ไปไหนไกล เทรลสบายๆหลังที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก็คือเทรลน้ำตกกองแก้วนั่นเอง

พี่ต้นบรีฟก่อนเข้าเทรล

เมื่อน้องมีข้อจำกัดในการมองเห็น สิ่งที่น้องจะรับรู้ได้ดีอีกอย่างก็คือ “การสัมผัส” เริ่มแรกเลยก็ให้น้องสัมผัสเครื่องหมายมรดกโลกกันก่อนว่าหน้าตาเป็นอย่างไร

จากนั้น เราก็ค่อยๆทยอยพาน้องเข้าเทรลไปทีละกลุ่มอย่างไม่เร่งรีบ และการพาข้ามสะพานแขวน เป็นสิ่งแปลกใหม่และน้องหลายคนก็สนุกไปกับมัน



ไปอย่างช้าๆไม่ต้องเร่งรีบ แต่ละกลุ่มจะมีวิทยากรคอยแนะนำสิ่งต่างๆที่น่าสนใจรอบตัว พี่อาสาสมัครก็ดูแลและคอยเชียร์น้องให้ลองใช้สัมผัสต่างๆในการรับรู้

สุดเทรลแล้วก็มารอขึ้นรถกลับพร้อมกัน ระหว่างรอก็เดินเล่นนั่งเล่นแถวนั้นกันไป

กลับมาที่พัก อาบน้ำแต่งตัว ทานมื้อเย็น จากนั้นก็เป็นช่วงของกิจกรรมสันทนาการรอบกองไฟ

จบแล้วก็ส่งน้องเข้านอน

น้องนอนแล้ว แต่พี่ๆยังบรีฟงานกันต่อ

ค่ำคืนอันสุขสงบผ่านไปท่ามกลางลำเนาไพร…

ได้ทำในสิ่งอยากทำ ประหนึ่งประจุไฟกระตุ้นพลังชีวิต

ได้นอนพักผ่อนในที่ๆเหมาะสม ประหนึ่งได้เยียวยาสายธาราแห่งหัวใจ

ตื่นมาตอนเช้าบรรยากาศเย็นสบาย ก็พาน้องๆมานั่งชิลดื่มนมดื่มโอวัลตินกินขนมด้วยกัน



กิจกรรมของวันนี้มีสันทนาการช่วงเช้าเล็กน้อย หลังจากนั้นก็เป็นช่วงให้น้องได้เรียนรู้กับสิ่งต่างๆรอบตัว

ตาพี่โดนบ้างงงงงง

ให้น้องได้พักผ่อนและเรียนรู้

บางคนก็ไม่ได้บอดสนิท แต่ก็ต้องเพ่งใกล้ๆแบบนี้

หากต้องการจดบันทึก น้องก็มีSlate and Stylusมาด้วย

อากาศสบาย ก็สบายใจกันทั้งพี่และน้อง

บ้างก็เดินเล่นรอบค่าย

บ้างก็…เดี๋ยวๆๆ (ไม่มีอะไรหรอก น้องก็ใจดีอยากบริการผู้สูงวัยบ้าง)

ปิดท้ายด้วยมื้อเที่ยงก่อนแยกกัน

พี่ส่งน้องขึ้นรถกลับโรงเรียน

ทั้งพี่ทั้งน้องมาคร่อมถ่ายรูปกับเจ้าเด็กอ้วนบ้าพลังกันบ้าง

ซีนนี้บางคนยืนส่งน้องแล้วมีปาดน้ำตากันป้อยๆบ้างล่ะ

เนื่องจากเสร็จภารกิจ Volunteer Rider  ครั้งนี้ค่อนข้างไว ก็เลยได้โอกาสกินลมชมวิวอยู่บนเขาใหญ่อีกหลายชั่วโมง เอาจริงๆกว่าจะยอมกลับก็เกือบๆเย็นเลยล่ะ อิอิ

ก่อนอื่นใด เติมคาเฟอีนนิดนึง

มุมชิลๆถ่ายรูปเล่นเพียบ

แถวๆหนองผักชีบ้าง

ในวันอาทิตย์…เราจะได้พบเจอกับพี่น้องสองล้อมาขี่รถกินลมที่เขาใหญ่กันหลายกลุ่ม เจอกันก็ทักทายกันเนอะ

กับฟ้าใสๆแถวโป่งทุ่งกวาง

สุดท้าย ผมมาใช้เวลาอยู่ข้างอ่างเก็บน้ำสายศรเกือบสามชั่วโมง นั่งดูผู้คนผ่านไปมา โบกมือทักทายหรือเอ่ยคำสวัสดี มิตรภาพเกิดขึ้นได้เสมอ

เมื่อเย็นย่ำกำลังมา ผมจึงกลับลงทางด่านเนินหอมตามสเตป

และปิดท้ายวันด้วยเตี๋ยวยำสุดเด็ดเจ้าประจำก่อนเข้าบ้าน

และแล้วก็มาถึงบทสรุปเรื่องเจ้าอ้วนซ่าบ้าพลัง Ducati Diavel 2015 Carbon White  คันนี้กันเสียที

มาดูรอบๆคันของเจ้า Ducati Diavel Carbon White  กันก่อน

เจ้า Ducati Diavel 2015 นี้ มีกันสามศรีพี่น้อง (ก็คือสามโทนสีให้เลือก)

ส่วนคันที่ผมยืมมานี้เป็น Carbon White

ส่วนเจ้านี่จะเป็นรุ่นพื้นฐานที่เฟรมเป็นสีดำ

เจ้านี่คือ Ducati Daivel Carbon REDเฟรมถักสีแดงถือว่าเป็นบิ๊กไบค์ตามตำรับของอาจารย์พีท100%

กลับมาที่เจ้า Ducati Daivel Carbon White กันอีกที

สิ่งที่โดดเด่นประการแรกและต่างจากรุ่นก่อนโดยสิ้นเชิงก็คือไฟหน้า ซึ่งมีLEDมาให้ตามสมัยนิยม การใช้งานถือว่าสอบผ่านพอดีกับสายตาในการใช้งานทั่วไป การแบ่งโคมเป็นสองชั้นก็เป็นลูกเล่นที่ทำให้ดูมีเอกลักษณ์ชัดเจน

เหนือไฟขึ้นไปก็เป็นส่วนที่เรียกว่าอะไรดี บังไมล์ดีไหม เอาเป็นว่าเรียบหรูดูมีชาติตระกูล ปิดยาวไปครอบเกือบถึงตุ๊กตาแฮนด์ดูกลมกลืนดี แต่เมื่อเป็นสายทัวร์ริ่งอย่างผมแล้ว เห็นแบบนี้ก็ร้องหาอยากได้อุปกรณ์เสริมเป็นชิลด์บังลมขึ้นมาเลยทันที (แต่บางคนจะว่าถ้าให้ชิลด์มาก็ดูเสียlook)

มาดูช่องดักอากาศเข้าหม้อน้ำกันบ้าง


ตัว Diavel มีแผงหม้อน้ำอยู่ด้านข้างนะจ๊ะ เวลาไปล้างอัดฉีดบอกเด็กๆระวังด้วยล่ะ ฉีดแรงแล้วครีบพับไม่สวยนี่เงิบเลยนะ

ชุดไฟเลี้ยวก็เป็นLEDเช่นกัน มาแปะไว้ใกล้ๆหม้อน้ำนี่แหละ

อกไก่ปิดเครื่องใส่ตะแกรงมาให้แบบสวยหรู

การออกแบบคอท่อที่ม้วนไอเสียจากสูบหลังมาประกบกับสูบหน้าเป็นเอกลักษณ์ที่ดุดัน

กระจกมองข้างซ้ายขวาดูลงตัวไม่ขาดไม่เกิน อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบ สำหรับผมถ้ามาแบบนี้ก็ติดไปยาวๆไม่ต้องหากระจกแต่งมาใส่



มีบอกไว้ด้วยนะว่าต้องเซอร์วิสเจ้าเดสโมอีกทีเมื่อไร อิอิ

ประกับซ้ายขวา ดูไม่เยอะ แต่ในส่วนของการใช้มันปรับแต่งฟังค์ชั่นต่างๆก็ทำได้พอดี ประกับขวาตรงoff-runก็เป็นสไตล์ของดูคาติเขาล่ะ

ตรงนี้ถ้าจำไม่ผิด คือถ้าทำกุญแจชิ๊.บ.หายยยยยยย ก็ยังไม่อิ๊บหายยยยยย มีระบบปลดล๊อกอยู่จ้า ปัญหาคือจำรหัสปลดล๊อกให้ได้นะตัวเธอว์

ล๊อคคอทำงานด้วยระบบไฟฟ้านะจ๊ะ หรูว์หราาาาาาา

การแสดงผลต่างๆของรถให้จอTFTมาถึงสองหน้าจอจ้า แสดงผลเป็นดิจิตอลทั้งหมด

จอบน

จอล่าง

แน่นอนว่ามาพร้อมกับ Riding Mode

ซึ่งแต่ละโหมดก็สามารถปรับได้อีกยิบย่อย

ปรับแต่งDTC  (Ducati Traction Control) ได้

ปรับระดับการทำงานของเครื่องยนตร์ได้

ถ้าคิดว่าโปรพอ จะปิดABS ก็ได้นะ หึหึหึ

มี User Interface ของ Menuให้เลือกสองแบบ

เลือก Black Light ของหน้าจอได้

เลือกให้แสดงรอบเครื่องแยกออกมาที่จอล่างได้เลย

ตั้งpin code ในกรณีกุญแจชิ๊.บ.หายยยยยย

อันนี้ไม่เคยลองตั้งตอนเอามาขี่…เลยลืมว่าทำงานยังไง ใครรู้ช่วยบอกที๕๕ แต่เข้าใจว่าเอาไว้เซทดูสถิติ

ตรวจสอบกำลังไฟของแบตเตอรี่สักหน่อย

Tripได้แน่นอน

ยุ่มย่ามหน้าจอมากไปหน่อย ลงมาดูช่วงล่างกันบ้าง

เบรคหน้าขนาดจานเบรค320มม และแน่นอนต้องมาพร้อมกับพี่โบ้4port เรเดี่ยลเมาท์

ยางหน้าขนาด120/70 ZR 17 Rosso II

วกไปดูโช๊คหลัง แน่นอนเจ้าโปรอาร์มที่เคยมีดราม่ากัน บึกบึนสมกับขนาดล้อหลังดีอยู่นะ

บอกได้แค่ว่าสวยงามมมม

กันดีดดูแข็งแรงทนทาน ลองอัดหนักๆก็ไม่เห็นปลิวไปไหนนะ

ป้ายทะเบียนก็แปะไปกับกันดีดโลด อย่าเอาไปยัดซุ้มล้อหลังเล้ยยย

แน่นอนว่า โปรอาร์มจ้า และอีกอย่างที่เห็นคือปลายท่อที่ดูมีทรวดทรงองค์เอวมากขึ้น ไม่ทื่อเป็นกระบอกข้าวหลามเหมือนgenก่อนนี้

ดูไฮโซจริง

ยางหลังขนาดบะลั่กกั้ก 240/45 ZR17 ROSSO II

และแน่นอนกับช่วงท้ายที่เป็นเอกลักษณ์ เห็นที่ไหนปร๊าดดดเดียวรู้เลยว่าอ้วนซ่าแน่ๆ

กันตกยืดออกมาได้นะ

พักเท้าหลังพับเก็บซ่อนได้แบบเก๋ๆ

กลับมาที่บทสรุปกันแบบสังเขป เนื่องจากเขียนไปเขียนมารูปชักจะเยอะไปละ( คือน้ำเริ่มเยอะ๕๕)

เครื่องยนต์  Dual Spark Testastretta 11° L-Twin 1198.4cc ที่ให้แรงม้าถึง162ตัวที่ 9,250รอบ อัตราส่วนกำลังอัด 12.5:1 ทำให้อัตราเร่งช่วงต้นถึงกลายจัดไปอยู่ในจำนวน Drag Bike เว้ากันซื่อๆ…สำหรับคอทัวร์ริ่งร่างหมีฝีมือกากๆอย่างผม มันดุดันดุเดือดสาหัสเอาการเลยทีเดียว กว่าจะปรับตัวได้ก็เหงื่อปริไปหลายขัน 1-200นี่มาแบบพุ่งๆไม่ต้องไหลกันเลยทีเดียว ทนแรงดึงของมันแล้วคุมให้ได้ก็แล้วกัน

ช่วงล่างที่จัดเต็มมาให้กับกันสะเทือนหน้า Marzocchi fully adjustable 50 mm แบบหัวกลับ รองรับน้ำหนักและควบคุมบาลานซ์ช่วงหน้าได้ดี

กันสะเทือนหลังที่ปรับระดับได้เต็มรูปแบบ Sachs Fully adjustable rear shock with progressive linkage. Remote spring preload adjustment. ในการใช้งานแบบเอาแมวน้ำซ้อนหมี ก็ยังทำงานได้ดีไม่มีย้วย

น้ำหนักแห้งที่205กิโลกรัม ถ้าเติมเต็มถังเพิ่มมาเป็น 234 กิโลกรัม แต่ด้วยความที่เป็นรถที่จุดศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำ หากมีทักษะในการเข็น เรียกง่ายๆว่าเคยโดนฝึกเข็นมานี่ก็เข็นได้สบายๆอยู่

ด้วยบุคลิกของรถที่ฐานล้อกว้าง ยางหลังใหญ่ ทำให้การเข้าโค้งในความเร็วสูงและมีมุมโค้งที่ไม่ธรรมดา ต้องใช้ทักษะพอสมควร เรียกได้ว่าถ้าจู่ๆมือใหม่ไม่เคยขี่รถแรงๆ แล้วเอาไปหวดโค้งเลยนี่มีโอกาสบานสูง แต่เมื่อจับทางมันได้แล้ว ก็ให้อารมณ์ที่แปลกใหม่ไปอีกนิด

โดยรวมแล้วตัวรถที่ออกแบบหลายจุดได้โดดเด่น มองตรงไหนก็ปร๊าดดดเดียวว่า Diavel แน่นอน เรื่องความสวยงามนี่ก็แล้วแต่ความชอบ รูปลักษณ์ที่ดุดันและฟังชันค์การทำงานที่หรูหรา ให้มาเยอะให้มาเต็มตามราคาที่จ่าย อัตราเร่งต้นกับกลางที่จัดจ้านทำให้สนุกกับการกระชากคันเร่งเพื่อแซงหรือเร่งอะดีนาลินให้พลุ่งพล่าน

แม้กระนั้นก็ด้วยความดีงามของRiding mode ก็ยังทำให้เป็นรถที่อยากจะคุมให้ง่าย ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่เมื่อไรที่อยากโหด การปรับแต่งโหมดที่ลงไปในรายละเอียดของระดับการทำงานDCTการเปิดปิดABSและโหมดการทำงานของเครื่องยนต์ ก็เป็นทางเลือกให้ทั้งขาโหดและขาชิลได้สนุกกับมันในสไตล์ที่ต้องการ

ข้อเสียและข้อที่ไม่ชอบที่เจอก็คือท่านั่งที่ค่อนข้างปะทะลมเต็มๆ คันนี้ถ้าเกิน140แล้วไม่หมอบนี่บอกได้เลยว่ามีเหนื่อย เจอใครมาเล่นด้วยนี่สนุกแน่ แต่ในใจก็ร่ำร้องว่า เฮ้ยยยย พอเห๊อะ Gruเหนื่อยแล้ว (หรือGruแก่แล้วฟะ) แต่ถ้าทนเหนื่อยได้ ก็มีมอเตอร์ไซค์เดิมๆไม่กี่คันหรอกที่กินมันได้ในช่วงต้นถึงกลาง การเข้าโค้งที่หากไม่คุ้นกับรถสไตล์นี้ก็อย่าเพิ่งรีบร้อน เพราะถ้าไม่คุ้นกับมันดีพอ มันอาจพาคุณเหาะลัดโค้งลงข้างทางได้ไม่ยาก

ข้อเสียอีกอย่างที่ไม่ชอบคือ คลัทช์ค่อนข้างหนัก ถ้าสุภาพสตรีอยากขี่คันนี้ คงต้องเปลี่ยนปั้มตัวล่างให้นิ่มขึ้น

ขาตั้งที่ดูๆแล้วไม่แน่ใจว่าจะแข็งแรงดีแค่ไหน อยากลองดึงรถหมุนด้วยขาตั้งดูก็ไม่กล้าลอง

ทั้งหมดนี้ทำให้มันเป็นรถที่ไม่ธรรมดาและดาษดื่น บางทีก็พูดยากว่าตกลงมันเป็นรถที่ขี่ดีหรือขี่ไม่ดี ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่รสนิยมและสไตล์การขับขี่ที่ต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่หากคุณต้องการรูปลักษณ์ที่โดดเด่น กำลังเครื่องที่พาคุณพุ่งทะยานแบบกระแทกกระทั้น แฝงไปด้วยความหรูและแน่นอน คุณขี่ดูคาติ คำๆนี้มีมนต์ขลังในตัวมันเองอยู่แล้ว

ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบจ้า

อมยิ้ม17

บทความโดย สมัญตาชีวบุตร_omega_13